เราสามารถเห็นกันได้ทั่วไปว่าเด็กไทยนิยมเรียนพิเศษมาก เรียนกันเป็นล่ำเป็นสัน ทั้งช่วงเย็นหลังเลิกเรียน เสาร์อาทิตย์ นักขัตฤกษ์ บางทีเรียนจนเวลาเรียนพิเศษแทบจะพอ ๆ กับเรียนภาคปกติเลยทีเดียว การเรียนพิเศษนั้นเป็นกระบวนการเสริมสร้างความรู้ที่ถูกต้องหรือไม่ วันนี้เราจะมาดูกัน
เป็นค่านิยมนำสมัย
ในสมัยปัจจุบัน เราจะเห็นสถาบันการเรียนพิเศษมีอยู่ทั่วไป ทั้งตั้งแต่เด็กเตรียมอนุบาลไปจนถึงเด็กโต ใครที่ส่งลูกไปเรียนพิเศษก็จะมีความรู้ไปเกินเด็กที่ไม่ได้เรียน พ่อแม่ก็จะภาคภูมิใจว่าลูกของฉันนั้น “ เก่ง ” เกินเด็กทั่วไป ตรงนี้ถือเป็นกุสโลบายอันชาญฉลาดของสถาบันเรียนพิเศษ สามารถดูดเงินจากในกระเป๋าผู้ที่ไม่เท่าทันเล่ห์เหลี่ยม จริง ๆ แล้วเด็กนักเรียนเหล่านี้ไม่ได้มีความเก่งหรืออัจฉริยะเหนือเด็กอื่นใด แต่ที่รู้มากกว่าก็เพียงเพราะสถาบันนำความรู้ที่เกินหลักสูตรมาสอนเท่านั้นเอง ซึ่งความเป็นจริงเมื่อเด็กเหล่านี้ไปเรียนตามหลักสูตรภาคบังคับก็จะทันกันอยู่แล้ว ทีนี้พอผู้ปกครองคนอื่นเห็นลูกคนที่ไปเรียนเก่ง ฉันก็ต้องไม่ให้เสียหน้า ลูกฉันต้องเก่งบ้าง จึงเป็นวัฒนธรรมประจำชาติไปแล้วที่เด็กไทยต้องเรียนพิเศษจะได้ทันสมัยและเก่งทันลูกคนอื่น
ข้ออ้างได้ออกจากบ้าน
เด็กที่ก้าวเข้าสู่วัยรุ่นย่อมต้องมีความอยากรู้อยากเห็นตามวัย จะมีข้ออ้างใดที่จะนำมาอ้างในการออกจากบ้านไปสู่โลกภายนอก ไปพบปะเพื่อนฝูงได้ดีเท่า “ การไปเรียนพิเศษ ” ที่พ่อแม่มักจะอนุญาตเสมอ เพราะอยากให้ลูกเก่ง อยากให้ลูกมีความรู้ ทั้งที่จริงแล้วไปเรียนก็ไม่ได้ตั้งใจแต่อย่างใด บางครั้งนั้นไม่ได้เข้าเรียนด้วยซ้ำ พ่อแม่นั้นก็หลงกลลูกโดยการขวนขวายหาเงินมาส่งให้ลูกเรียนพิเศษ โดยหารู้ไม่ว่านั่นเป็นการส่งเสริมทางอ้อมให้ลูกได้ออกจากบ้านไปเหลวไหลที่โลกภายนอก
เรียนในห้องไม่ได้การ
ปัจจุบันอุดมการณ์ของครูได้ลดน้อยถอยลงไปมากเนื่องจากมีเรื่องผลตอบแทนที่มาในรูปของตัวเงินมาบังตา จะเห็นได้ว่าครูในโรงเรียนหลายคนจะรับสอนพิเศษด้วย ทั้งหลังเลิกเรียนและเสาร์อาทิตย์ เป็นที่น่าแปลกใจอีกว่าเด็กที่เรียนพิเศษกับครูนั้นมักจะทำคะแนนได้ดีกว่าเด็กที่ไม่ได้เรียน ซึ่งสิ่งนี้เป็นจุดดึงดูดให้ผู้ปกครองยิ่งนิยมส่งเด็กให้เรียนพิเศษมากขึ้นเพราะมีความเชื่อว่าจะเก่งกว่าเด็กที่ไม่ได้เรียน เป็นที่น่าสงสัยว่าครูอาจไม่เต็มที่กับเด็กที่สอนปกติในห้อง หรือนำข้อสอบที่ใช้สอบวัดผลมาติวให้กับเด็กที่เรียนพิเศษหรือไม่
ต้องเรียนพิเศษนั้นเพื่อคะแนน
เพราะสังคมไทยชอบยกย่องคนเก่ง และคนเก่งของสังคมไทยก็วัดจากคะแนนที่ทำได้สูง โดยไม่คำนึงถึงว่าความเก่งทางการเรียนนั้นจะรวมไปถึงเก่งในการแก้ปัญหาและใช้ชีวิตหรือไม่ สังคมไทยเป็นแบบนี้มาช้านาน เวลาเจอหน้ากันคนโตมักถามเด็กว่าสอบได้ที่เท่าไหร่ ได้คะแนนเฉลี่ยเท่าไร ถ้าใครได้มากกว่าก็ได้หน้า พ่อแม่ภูมิใจ ดังนี้เป็นต้น พ่อแม่จึงทำทุกวิถีทางเพื่อให้ลูกตัวเองได้คะแนนดี ๆ จะได้เป็นคนเก่ง นำความภูมิใจมาให้ครอบครัว และการเรียนพิเศษก็ถือเป็นหนึ่งในวิถีนั้นด้วย วัฒนธรรมแบบนี้ยังก่อให้เกิดความแตกแยกและชิงดีชิงเด่นทางสังคมตามมาอีกด้วย